เลือกใช้อุปกรณ์ครัวแบบไหน ประหยัดค่าไฟที่สุด?

อยากลดต้นทุนค่าไฟ ต้องเริ่มที่การเลือกใช้อุปกรณ์ครัวที่ประหยัดพลังงาน!

ในยุคที่ต้นทุนทุกอย่างปรับตัวสูงขึ้น ทั้งค่าวัตถุดิบ และค่าแรง การบริหารจัดการค่าใช้จ่ายให้คุ้มค่าที่สุดจึงเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ร้านอาหารอยู่รอด และเติบโตได้ หนึ่งในต้นทุนที่หลายคนมองข้ามคือ “ค่าไฟ” โดยเฉพาะจากอุปกรณ์ครัวที่ต้องใช้งานตลอดทั้งวัน

การลงทุนเลือกใช้อุปกรณ์ครัวที่ประหยัดพลังงานอาจดูเป็นเรื่องใหญ่ในตอนแรก แต่ในระยะยาวแล้วนี่คือการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด เพราะช่วยลดค่าใช้จ่ายประจำวันได้อย่างยั่งยืน วันนี้ ห้องเรียนร้านค้า LINE MAN Wongnai จะพาไปเจาะลึกวิธีเลือกซื้อ และข้อดีของอุปกรณ์ครัวประหยัดพลังงานที่ร้านอาหารไม่ควรมองข้าม

1. เตาแก๊สแบบหัวอินฟราเรด 

เตาแก๊สแบบหัวอินฟราเรดให้ความร้อนสูง และกระจายได้สม่ำเสมอมากกว่าหัวเตาแก๊สแบบธรรมดา ทำให้ประหยัดแก๊สได้มากกว่า 20-30% อีกทั้งยังไม่มีเปลวไฟ ทำให้ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุได้ดีกว่า

  • เหมาะกับร้านแบบไหน: ร้านอาหารที่ต้องใช้ไฟแรง และต่อเนื่อง เช่น ร้านอาหารตามสั่ง ร้านก๋วยเตี๋ยว หรือร้านที่ต้องผัดอาหารจำนวนมาก
  • ความคุ้มค่า: ถึงแม้จะมีราคาเริ่มต้นสูงกว่าเตาแก๊สทั่วไป แต่ในระยะยาวจะช่วยลดต้นทุนค่าแก๊สได้อย่างชัดเจน และคืนทุนได้รวดเร็ว

2. เตาแม่เหล็กไฟฟ้า

เตาแม่เหล็กไฟฟ้าให้ความร้อนโดยตรงกับภาชนะ ไม่มีการสูญเสียความร้อนไปในอากาศ จึงประหยัดพลังงานได้มากกว่าเตาไฟฟ้าประเภทอื่นถึง 80% อีกทั้งยังควบคุมอุณหภูมิได้แม่นยำ และร้อนเร็ว

  • เหมาะกับร้านแบบไหน: ร้านอาหารขนาดเล็ก ร้านที่เน้นความสะอาด ร้านในพื้นที่ปิด หรือร้านที่ต้องทำอาหารปริมาณไม่มากนัก
  • ความคุ้มค่า: ประหยัดค่าไฟได้อย่างมีนัยสำคัญ และช่วยลดอุณหภูมิในครัว 

3. ตู้เย็น

ตู้เย็นทำงานโดยเน้นการถ่ายเทความร้อนออกจากตู้แบบค่อยเป็นค่อยไป โดยคอมเพรสเซอร์จะอัดแก๊สของสารทำความเย็นให้เป็นของเหลวเพื่อนำพาความร้อนออกไปจากระบบ ทำให้ภายในตู้เย็นมีอุณหภูมิลดลง

  • เหมาะกับร้านแบบไหน: ร้านที่เน้นวัตถุดิบสดใหม่เป็นหลัก และมีการใช้ของสดหมุนเวียนเร็ว เช่น ร้านอาหารตามสั่ง ร้านก๋วยเตี๋ยว หรือร้านที่ขายอาหารทั่วไป
  • ความคุ้มค่า: ช่วยรักษาความสดใหม่ของวัตถุดิบ ลดการเน่าเสีย และมีต้นทุนการใช้พลังงานต่ำกว่าตู้แช่แข็งในขนาดที่ใกล้เคียงกัน
  • วิธีเลือกให้ประหยัดพลังงาน:
    1. เลือกตู้ที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 หรือมีเทคโนโลยี Inverter
    2. เลือกขนาดให้เหมาะสมกับปริมาณวัตถุดิบที่ต้องการจัดเก็บ
    3. หมั่นทำความสะอาดแผงระบายความร้อนด้านหลัง และซีลยางที่ขอบประตู

4. ตู้แช่แข็ง

ตู้แช่แข็งเน้นการทำความเย็นให้คงที่และรวดเร็ว โดยคอมเพรสเซอร์จะทำงานหนักเพื่อดูดซับและเคลื่อนย้ายความร้อนออกไปจากตู้ ทำให้มีเสียงรบกวนเล็กน้อยและใช้พลังงานสูงกว่า แต่ให้ความเย็นได้ดีและคงที่

  • เหมาะกับร้านแบบไหน: ร้านที่ต้องสต๊อกวัตถุดิบจำนวนมาก หรือร้านที่ขายอาหารแช่แข็ง เช่น ไอศกรีม เนื้อสัตว์แช่แข็ง หรืออาหารทะเล
  • ความคุ้มค่า: ช่วยให้สามารถซื้อวัตถุดิบมาตุนได้ในปริมาณมากเมื่อมีโปรโมชั่น ซึ่งช่วยลดต้นทุนในระยะยาวได้ดี แม้ว่าจะมีต้นทุนค่าไฟสูงกว่าตู้เย็นเล็กน้อย
  • วิธีเลือกให้ประหยัดพลังงาน:
    1. เลือกตู้ที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 หรือมีเทคโนโลยี Inverter
    2. หากไม่ได้เน้นโชว์สินค้า ควรเลือกตู้แบบฝาทึบ เพราะจะรักษาความเย็นได้ดีกว่าแบบฝากระจก
    3. หมั่นละลายน้ำแข็งเมื่อเริ่มจับตัวหนา เพื่อให้ตู้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

5. เครื่องล้างจานอัตโนมัติ 

เครื่องล้างจานอัตโนมัติรุ่นใหม่ ๆ ออกแบบมาให้ใช้น้ำ และพลังงานน้อยกว่าการล้างด้วยมืออย่างเห็นได้ชัด โดยสามารถล้างจานชามได้เต็มกำลังเครื่องด้วยน้ำเพียง 3 แกลลอน ขณะที่การล้างด้วยมือในปริมาณเท่ากันกลับต้องใช้น้ำมากถึง 27 แกลลอน นอกจากนี้ยังช่วยลดการใช้น้ำยาทำความสะอาดและประหยัดเวลาในการทำงานของพนักงานได้อีกด้วย

  • เหมาะกับร้านแบบไหน: ร้านอาหารขนาดกลางถึงใหญ่ที่มีปริมาณจานชามจำนวนมาก
  • ความคุ้มค่า: ช่วยประหยัดค่าแรง และเวลาของพนักงานได้มาก ทำให้สามารถนำเวลาไปใช้กับงานอื่นที่เป็นประโยชน์ต่อร้านได้

การเลือกใช้อุปกรณ์ครัวประหยัดพลังงานอาจต้องใช้เงินลงทุนก้อนใหญ่ในตอนแรก แต่ในระยะยาวแล้วเป็นการตัดสินใจที่คุ้มค่าที่สุด เพราะไม่เพียงช่วย ลดต้นทุนค่าไฟ ได้อย่างยั่งยืน แต่ยัง เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และ ยืดอายุการใช้งาน ของอุปกรณ์ ทำให้ร้านอาหารของคุณสามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพและก้าวทันคู่แข่งได้อย่างมั่นคง การลงทุนที่ชาญฉลาดในวันนี้คือการสร้างความสำเร็จที่ยั่งยืนในอนาคต

ที่มาของข่าว 

บทความแนะนำเพิ่มเติม