6 เทคนิค สร้างเรื่องราวอาหารด้วย Food Storytelling

พร้อมตัวอย่างร้านทำจริง ขายบนเดลิเวอรีก็ทำได้ เข้าใจง่ายทำตามเลยปังแน่นอน!

       พ่อค้าแม่ค้าหลาย ๆ คนอาจจะคิดว่า การทำร้านอาหารเพียงแค่ถ่ายรูปสวย จัดโปรโมชันลดราคา และแนะนำเมนูขายดีเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว แต่นั่นเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น วันนี้ห้องเรียนร้านค้า LINE MAN Wongnai แนะนำ 6 เทคนิค ช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับเมนูของร้านคุณ เพื่อดึงดูดใจลูกค้าเข้ามาลิ้มลองร้านของคุณมากกว่าเดิมด้วยเทคนิค Food Storytelling 

Food Storytelling คืออะไร?

การเล่า และสื่อสารความรู้สึกที่เกี่ยวกับอาหาร เช่น ความอร่อย ความรู้สึกดี ความหรูหรา รสชาติต่าง ๆ ผ่านวิธีการเล่าโดยภาพถ่าย เสียง กลิ่น เพื่อให้ออกมาเป็นสิ่งที่ผู้รับสาร หรือคนอ่านสามารถเข้าใจร่วมกันได้ แม้ว่าจะไม่ได้มีประสบการณ์จริง 

ตัวอย่างการทำ Food Storytelling

  • ความกรอบของไก่ทอด: มีรูปเศษแป้งที่กระจายออกมาจากชิ้นไก่ มีควันขึ้นเล็กน้อย ทำให้รู้สึกว่า ไก่ทอดกำลังร้อน และมีความกรอบอร่อย
  • ความหอมของกาแฟ: บนถ้วยกาแฟมีควันลอยออกมา นักแสดงกำลังดมกลิ่น และแสดงสีหน้าที่กำลังรู้สึกว่า สิ่งนี้หอม มีเมล็ดกาแฟกองอยู่รอบถ้วยกาแฟ 
  • ความเย็นของเครื่องดื่ม: รูปหยดนำ้ที่เกาะอยู่รอบขวดเครื่องดื่ม แสดงถึงความเย็นสดชื่น
  • ความหอมของน้ำซุป: ควันที่ลอยออกมา สื่อถึงน้ำซุปร้อน ๆ ที่มีความหอมจากการเคี่ยวมานาน 

นอกจากนี้ การเล่าเรื่องที่มาที่ไป หรือกระบวนการปรุงอาหาร สามารถช่วยยกระดับอาหารให้มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้นได้ด้วย ยกตัวอย่างเช่น การบอกเล่าที่มาของวัตถุดิบ หรือส่วนผสมที่ใช้ในเมนู ขั้นตอนการปรุงอาหาร จะช่วยทำให้ลูกค้าสนใจ และรู้สึกมีส่วนร่วมกับเมนูนั้น ๆ มากขึ้น 

ทำไมต้องเล่าเรื่องอาหาร?

เพื่อสร้างความแตกต่างระหว่างร้านเรากับร้านอื่นได้เป็นอย่างดี แม้ว่าการถ่ายภาพ การคุมโทนสี การใส่โลโก้หรือเอกลักษณ์ของร้านลงไปในรูปภาพที่เราลงโปรโมตในสื่อโซเชียล จะเป็นการสร้างความต่างอยู่แล้ว แต่การเล่าเรื่องที่ดี จะช่วยให้ลูกค้าเข้าใจจุดต่างนั้นได้อย่างชัดเจน และรู้จักตัวตนของร้านเรามากขึ้น อีกทั้งการเล่าเรื่องเป็นการจำลองการพูดคุยระหว่างร้านอาหารกับลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย ซึ่งตามหลักจิตวิทยา การสื่อสารที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกมีส่วนร่วมจะเป็นการสร้างปฏิสัมพันธ์หรือความสัมพันธ์อันดีเบื้องต้นกับลูกค้า ดังนั้น Food Storytelling จึงเป็นเทคนิคที่ตอบโจทย์อย่างมาก

ประโยชน์ของ Food Storytelling 

  1. การเล่าเรื่อง หรือบรรยายอาหารออกมาเป็นความรู้สึก จะช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ว่าควรสั่งอาหารของร้านเราหรือไม่ ยิ่งบรรยายละเอียดก็จะยิ่งช่วยดึงดูดความสนใจของลูกค้าได้มากขึ้นเท่านั้น
  2. การเล่าที่มาที่ไปของวัตถุดิบ หรืออาหาร รวมไปถึงการอธิบายขั้นตอนการปรุง จะช่วยเพิ่มมูลค่าของเมนูนั้น ๆ ช่วยสร้างความน่าสนใจให้กับอาหาร  
  3. ส่งเสริม Branding และให้ผลเชิงจิตวิทยา ช่วยทำให้แบรนด์มีความน่าเชื่อถือ ดูใส่ใจ และมีความเชี่ยวชาญในการปรุงอาหาร รวมไปถึงการรับรู้ที่มาที่ไปของอาหารยังทำให้ลูกค้ารู้สึก ‘อิน’ หรือรู้สึกอร่อยมากขึ้นได้อีกด้วย

6 เทคนิค สร้างเรื่องราวให้อาหาร เพิ่มยอดขายให้ร้านคุณ

พ่อค้าแม่ค้าสามารถนำเทคนิคเหล่านี้ ไปปรับใช้ เพื่อดึงดูดความสนใจลูกค้า รวมถึงโปรโมตร้านทั้งหน้าร้าน และบนเดลิเวอรีกันได้เลย 

1. เปิดสูตรลับ วัตถุดิบที่ใช้ทำอาหาร

       เขียนอธิบายขั้นตอนการทำ และวัตถุดิบที่ใช้ในเมนูนั้น ๆ บรรยายตามสไตล์ของร้าน เพื่อให้ลูกค้ารับรู้ถึงความพิเศษของเมนูมากขึ้น ช่วยกระตุ้นความต้องการซื้อมากกว่าที่เคย 

ตัวอย่างเช่น ร้าน Pasta Kitchen - Bts ทองหล่อ เขียนอธิบายถึงวัตถุดิบที่เลือกใช้ในเมนูซุปเห็ด ทำให้ลูกค้ารับรู้ได้ว่าเมื่อทานแล้วจะได้รสชาติเป็นอย่างไร อีกทั้งยังสามารถเพิ่มคำแนะนำให้ลูกค้าทานคู่กับเมนูอื่นของร้านเพื่อช่วยเพิ่มความอร่อยให้มื้ออาหารได้อีกด้วย 

2. เมนูนี้มีที่มา พาลิ้มลอง

       การเล่าที่มา หรือตำนานของเมนู จะช่วยเพิ่มความน่าสนใจ ดึงดูดให้ลูกค้าอยากลองเมนู  และยังช่วยเพิ่มความ ‘อิน’ ในการทานอาหารได้มากขึ้น

ตัวอย่างเช่น ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือสามแซ่บอโศก เขียนอธิบายเมนู ‘พ่นไฟกับต้นตำรับก๋วยเตี๋ยวเรือและพริกหม่าล่าสูตรเฉพาะ ที่ให้ความอร่อยเหมือนคุณไปกินที่เมืองจีน’ เขียนคำบรรยายน่าสนใจ สร้างสตอรี่ เรียกลูกค้าให้กดสั่งได้แน่นอน

Tips: เทคนิคนี้สามารถทำได้ง่าย ๆ โดยการใช้ที่มาของสูตรห้อยต่อท้ายชื่อเมนู หรือชื่อของร้านได้ เช่น  

  • เจ้าเก่า
  • สูตรต้นตำรับ / ต้นตำรับจากเมืองจีน 
  • สูตรคุณทวด 100 ปี

เพียงแค่ห้อยคำเหล่านี้ต่อท้ายชื่อเมนู ก็จะช่วยเพิ่มความน่าสนใจได้มากขึ้นแล้ว  

3. อธิบายขั้นตอนการปรุง
       
การเล่าสูตรหรือขั้นตอนการปรุงอาหาร สามารถสร้างความรู้สึกร่วมให้กับลูกค้าได้ ส่วนมากมักจะพบเทคนิคนี้ในร้านอาหารแบบครัวเปิด เวลาที่ลูกค้ามานั่งในร้านจะได้ยินเสียงเคาะกระทะ กลิ่นการปรุงอาหาร ยิ่งชวนให้รู้สึกหิว สำหรับการทำเดลิเวอรีก็สามารถทำได้เช่นกัน โดยการอธิบายขั้นตอนการปรุงอาหาร บรรยายอย่างละเอียดให้ลูกค้าเห็นถึงแต่ละขั้นตอน 

ตัวอย่างเช่น ร้าน KRBB The Boutique Butcher วัฒนา เขียนรายละเอียดเมนู ‘เนื้อฮิมาวาริหมักน้ำปลาและน้ำตาลมะพร้าวออร์แกนิค นำไปทอด แล้วนำมาผัดคลุกกับข้าวหอมมะลิ ปรุงรสและใส่พริกขี้หนูสดเล็กน้อย’ 

การเขียนอธิบายวัตถุดิบที่ใช้ รวมถึงขั้นตอนการทำแบบนี้ จะทำให้ลูกค้าที่ไม่ได้มานั่งที่ร้าน สามารถเข้าใจถึงการปรุงอาหารจานนี้ได้อย่างเห็นภาพ และรับรู้ว่าเมื่อทานจะได้รสชาติอย่างไร เทคนิคนี้สามารถเรีกยน้ำย่อยได้เป็นอย่างดีเลย

4. ถ่ายรูปเมนูให้สวย ช่วยกระตุ้นความรู้สึกอยาก

       รูปสวย มีชัยไปกว่าครึ่ง เพราะเป็นสิ่งที่ลูกค้าเห็นเป็นอันดับแรก ดังนั้น การถ่ายรูปอาหารจึงเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับร้านอาหารบนเดลิเวอรี เพราะรูปเป็นสิ่งแรกที่ลูกค้าจะสะดุดตา และกดเข้ามาสั่งอาหารร้านของเรานั่นเอง

โดยร้านสามารถใช้องค์ประกอบต่าง ๆ เข้ามาช่วยสื่อสารความรู้สึกเหล่านั้นได้ ยิ่งถ่ายสวย น่ากิน หรือมีลูกเล่นในการถ่ายภาพเมนูก็จะทำให้ลูกค้าที่เห็นเกิดความอยากซื้อมากขึ้น

ตัวอย่างเช่น 

  • ภาพเทน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวที่มีควันลอยฟุ้ง ทำให้รู้สึกว่า น้ำซุปหอม 
  • ภาพนำ้ซอสมะเขือเทศมันวาวบนเส้นสปาเก็ตตี ทำให้รู้สึกถึงความฉ่ำ ความมันของเนื้อซอส
  • ภาพไอศกรีมที่มีไอเย็นล้อมรอบ ทำให้รู้สึกเย็น สดชื่น เมื่อได้ทานตัดกับอากาศร้อน ๆ

5. สร้างตัวตนของร้านให้โดดเด่น

        การสร้างตัวตนของร้านให้โดดเด่น คือ การนำเสนอตัวตนของร้านให้เป็นที่จดจำ ให้ผู้คนรับรู้ว่า ร้านของเราเป็นแบบไหน ทำอะไรอร่อย เมื่อต้องการกินสิ่งนี้จะต้องนึกถึงร้านของเราเป็นร้านแรก (Top of Mind) หรือการทำคอนเทนต์ไวรัลลงโซเชียลมีเดีย ให้ลูกค้าจดจำได้ เป็นอีกเทคนิคการตลาดที่ทำให้ลูกค้าสนใจในแบรนด์ของเราได้

ตัวอย่างเช่น ร้าน Goodsunday coffee bar ทำคอนเทนต์ลง tiktok ของร้าน ซึ่งเป็นคอนเทนต์ไวรัลที่มียอดคนดูมากถึง 8.3 ล้านครั้ง รับรองว่าต่อจากนี้ เมื่อลูกค้าดื่มลาเต้จากแก้วแบบฝายกดื่ม จะต้องนึกถึงวิธีการดื่มจากร้านนี้อย่างแน่นอน

6. ให้ลูกค้าช่วยเล่าเรื่อง

       ลูกค้ามักจะเชื่อลูกค้าด้วยกันเอง รีวิวจากลูกค้าด้วยกันเอง จะช่วยการันตีคุณภาพอาหาร และรสชาติของร้านเราได้ดีกว่าการที่ร้านพูดจุดเด่น และข้อดีของตัวเองอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนโลกออนไลน์ ลูกค้าสามารถเข้าถึงรีวิวร้านได้โดยตรงผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น เพจรีวิวร้านอาหาร หรือบน Wongnai ดังนั้น การให้ลูกค้าช่วยเล่าเรื่องผ่านการรีวิว คือ สิ่งที่ทำให้ลูกค้าตัดสินใจเลือกทานอาหารของร้านเราได้ดีมากที่สุด ทั้งนี้ต้องทำอาหารให้อร่อย และรักษาคุณภาพให้ดีอยู่เสมอ เพื่อให้เกิดการรีวิวในทิศทางที่ดีด้วย

Food Storytelling เหมาะมากสำหรับร้านอาหารบนเดลิเวอรี เพราะแต่ละเทคนิคจะช่วยเพิ่มความน่าสนใจ และดึงดูดลูกค้าให้เข้ามากดเยี่ยมชมร้านของคุณ ยิ่งเมนูที่มีเรื่องราวที่น่าสนใจ รูปภาพสวยชวนชิมมากเท่าไหร่ จะยิ่งช่วยอัตราการเลือกซื้อได้เพิ่มขึ้นมากเท่านั้น 

พ่อค้าแม่ค้าลองนำทั้ง 6 เทคนิค ไปปรับใช้ เพิ่มเรื่องราว เพิ่มลูกค้า แล้วรอรับยอดขายพุ่งกันเลย

บทความแนะนำอื่น ๆ