อันตรายที่คาดไม่ถึง! แมงกะพรุนหัวกระสุน กินอย่างไรให้ปลอดภัย?

แมงกะพรุนหัวกระสุน เมนูยอดฮิตในโซเชียล หากจัดการไม่ถูกวิธี อาจเกิดอันตรายต่อสุขภาพร้ายแรง

แมงกะพรุนหัวกระสุน หรือที่รู้จักในชื่อ Cannonball Jellyfish เป็นแมงกะพรุนที่มีรูปร่างโดดเด่นคล้ายลูกกระสุนปืนใหญ่ มีสีขาวขุ่นไปจนถึงน้ำตาลแดงเล็กน้อย แม้จะมีคุณค่าทางอาหารสูง เช่น โปรตีน คอลลาเจน และแร่ธาตุ รวมถึงมีแคลอรี่ต่ำ แต่ก็มีพิษอ่อน ๆ และความเค็มสูง ซึ่งอาจเป็นอันตรายหากบริโภคไม่ถูกวิธี

อันตรายที่ต้องระวัง และกลุ่มเสี่ยงที่ควรหลีกเลี่ยง

เมื่อแมงกะพรุนหัวกระสุนถูกนำมาแปรรูปเป็นอาหาร ปริมาณพิษจะลดลงจนอยู่ในระดับที่ปลอดภัย แต่ก็ยังมีความเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้ โดยเฉพาะในกลุ่มคนเหล่านี้

  1. ผู้ที่ยังไม่เคยรับประทาน

ควรลองทานในปริมาณน้อย ๆ และสังเกตอาการแพ้ประมาณ 30 นาที หากมีอาการ เช่น ผื่นแดง คันที่ผิวหนัง หรือบริเวณปาก ควรรีบหยุดรับประทาน และปรึกษาแพทย์

  1. ผู้ที่มีประวัติแพ้อาหารทะเล หรือแมงกะพรุน

ควรหลีกเลี่ยงการบริโภคโดยสิ้นเชิง

  1. ผู้ที่มีโรคประจำตัว

เช่น โรคไต หรือโรคเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน ควรหลีกเลี่ยงการบริโภค เนื่องจากอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อสุขภาพได้

นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานคู่กับนม น้ำอัดลม แอลกอฮอล์ และคาเฟอีน เพราะจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียน หรืออาการแพ้

ขั้นตอนการล้าง และเตรียมแมงกะพรุนหัวกระสุนอย่างถูกวิธี

  1. ล้างด้วยน้ำเปล่า 

ใช้น้ำสะอาดล้าง และขยำเบา ๆ เพื่อชำระล้างเมือก และความเค็มส่วนเกินออกไป ทำซ้ำ 2-3 รอบ จนน้ำเริ่มใส

  1. แช่น้ำลดความเค็ม

หลังจากล้างเมือกออกแล้ว ให้แช่แมงกะพรุนในน้ำสะอาด และเปลี่ยนน้ำทุก ๆ 2-3 ชั่วโมง ควรแช่ต่อเนื่องเป็นเวลา 8-12 ชั่วโมง หรือแช่ทิ้งไว้ข้ามคืน เพื่อให้ความเค็มลดลงมากที่สุด

  1. ลวก และน็อกน้ำเย็น 

ต้มน้ำให้เดือดจัดแล้วนำแมงกะพรุนลงไปลวกเพียง 10-15 วินาทีเท่านั้น จากนั้นรีบตักขึ้นมาแช่ในน้ำเย็นจัดผสมน้ำแข็งทันที เพื่อหยุดความร้อน และทำให้เนื้อแมงกะพรุนคงความกรุบกรอบ

  1. สะเด็ดน้ำ

นำแมงกะพรุนมาพักให้สะเด็ดน้ำจนแห้งที่สุดเท่าที่จะทำได้ อาจใช้กระชอนพัก หรือใช้ผ้าสะอาดซับเบา ๆ ก่อนนำไปปรุงอาหาร

แม้แมงกะพรุนหัวกระสุนจะมีประโยชน์ และรสชาติอร่อย แต่ก็ควรบริโภคอย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะร้านค้าเอง ที่ควรใส่ใจทุกขั้นตอนการ "ล้าง-แช่-ปรุงสุก" เพื่อลดความเค็ม และกำจัดสารพิษ นอกจากนี้ ผู้ที่มีความเสี่ยงควรลองในปริมาณน้อย ๆ ก่อน เพราะหากรับประทานอย่างไม่ถูกวิธี อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้

ที่มาของข่าว 

บทความแนะนำเพิ่มเติม