วิกฤติฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ไม่ได้ส่งผลกระทบแค่สุขภาพเท่านั้น แต่ยังเป็น "ตัวเร่ง" ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมร้านอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจ Food Delivery ข้อมูลวิจัย และสถิติจากผู้ให้บริการแพลตฟอร์มยืนยันชัดเจนว่า ผู้บริโภคจำนวนมากเลือกที่จะหลีกเลี่ยงการออกไปรับประทานอาหารนอกบ้าน และหันมาสั่งอาหารออนไลน์แทน
ผู้ประกอบการร้านอาหารควรรู้ และเตรียมรับมือกับปรากฏการณ์นี้อย่างไร?
PM 2.5 ดันยอดเดลิเวอรีพุ่ง!
ผลการศึกษาจาก ศูนย์วิจัยกสิกรไทย และรายงานจากผู้ให้บริการ Food Delivery รายใหญ่ในช่วงวิกฤติฝุ่น PM 2.5 ชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงที่ชัดเจน
- ปริมาณการสั่งอาหารออนไลน์ในช่วงที่สถานการณ์ฝุ่นรุนแรงขึ้น มีอัตราการเติบโตสูงขึ้นถึง 5-20% ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล
- ช่วงเวลาที่มีการสั่งซื้อสูงที่สุดคือ มื้อกลางวันและมื้อเย็น ซึ่งเป็นช่วงที่ผู้บริโภคที่ทำงานในออฟฟิศ หรือพักผ่อนที่บ้าน เลือกที่จะไม่เสี่ยงออกไปเผชิญฝุ่น
- ในทางกลับกัน ร้านอาหารข้างทาง, สวนอาหาร หรือร้านอาหารที่อยู่ในที่โล่งแจ้ง ได้รับผลกระทบในเชิงลบ โดยศูนย์วิจัยฯ ประเมินว่าค่าเสียโอกาสทางเศรษฐกิจจากการที่ประชาชนงดรับประทานอาหารนอกบ้านอาจสูงถึง 200 – 600 ล้านบาท
แม้จะไม่มีฝุ่น PM 2.5 ผู้บริโภคยุคใหม่ก็มีความคุ้นเคยกับการใช้แอปพลิเคชันอยู่แล้ว เมื่อมีปัจจัยด้านสุขภาพมาเกี่ยวข้อง จึงเปลี่ยนพฤติกรรมจาก "อาจจะสั่ง" เป็น "ต้องสั่ง" ทันที การมีช่องทางเดลิเวอรีที่แข็งแกร่งจึงเท่ากับการรักษาลูกค้า และเปลี่ยนยอดขายที่หายไปให้กลับคืนมา
"พ่อค้าแม่ค้า" ที่ต้องเสี่ยง
ฝุ่น PM 2.5 ไม่ได้ส่งผลกระทบเฉพาะลูกค้าที่ไม่ออกนอกบ้าน แต่ยังรวมถึงบุคลากรหลักของอุตสาหกรรมนี้ด้วย
- สุขภาพของผู้จำหน่ายอาหารริมบาทวิถี: งานวิจัยเกี่ยวกับ "พฤติกรรมการป้องกันตนเองจากฝุ่น PM 2.5 ต่อผลกระทบทางสุขภาพแบบเฉียบพลันของผู้จำหน่ายอาหารริมบาทวิถี" พบว่า ผู้จำหน่ายอาหารริมทางเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่อผลกระทบทางสุขภาพอย่างเฉียบพลันสูง เนื่องจากต้องสัมผัสกับมลพิษโดยตรงเป็นเวลานาน แม้พฤติกรรมการป้องกันตนเองจะอยู่ในระดับปานกลางก็ตาม
📝 ข้อแนะนำ: ร้านอาหารควรให้ความสำคัญกับการจัดหาอุปกรณ์ป้องกัน (เช่น หน้ากาก) ให้แก่พนักงานที่ต้องสัมผัสกับฝุ่นภายนอก
ฝุ่นปนเปื้อนในห่วงโซ่
แม้จะยังไม่มีงานวิจัยเฉพาะเจาะจงที่ระบุว่า PM 2.5 ปนเปื้อนในอาหารเดลิเวอรีโดยตรง แต่มีการศึกษาถึงความเสี่ยงของการปนเปื้อนในห่วงโซ่อาหาร
- รายงานด้านสิ่งแวดล้อมชี้ว่า ผลผลิตทางการเกษตร เช่น ผัก ผลไม้ และธัญพืช ที่สัมผัสกับระดับ PM 2.5 สูง อาจสะสมมลพิษ และก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพของผู้บริโภค
- การปิ้งย่างอาหารด้วยเตาถ่านก็เป็นแหล่งกำเนิดสำคัญของการปล่อยฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่ประกอบอาหารได้เช่นกัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพของพนักงานในครัวโดยตรง
💡 แนวทางป้องกัน
- ร้านอาหารควรเน้นการทำความสะอาดวัตถุดิบทุกชนิดอย่างเข้มงวดก่อนนำมาปรุง
- ใช้บรรจุภัณฑ์ Food Delivery ที่ปิดสนิท เพื่อป้องกันการปนเปื้อนระหว่างการขนส่ง
- หากมีการปิ้งย่าง ควรติดตั้งระบบระบายอากาศที่มีประสิทธิภาพ เพื่อลดความเข้มข้นของ PM 2.5 ในพื้นที่ทำงานของพนักงาน
วิกฤติ PM 2.5 เป็นทั้ง "แรงผลักดัน" ทางธุรกิจที่ทำให้ยอดเดลิเวอรีเติบโต และ "สัญญาณเตือน" ที่ผู้ประกอบการต้องเร่งปรับปรุงทั้งในด้านปฏิบัติการ และด้านความปลอดภัยอาหาร เพื่อรักษามาตรฐาน และใช้โอกาสนี้ในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค
บทความแนะนำเพิ่มเติม