พาส่องเทรนด์ “กินจุ๊บจิ๊บ” งานติดลม ขนมติดมือ

วิเคราะห์ 'เทรนด์กินจุ๊บจิ๊บ' ในไทย ส่องเหตุผลที่คนยุคใหม่เลือกของว่างแทนมื้ออาหาร พร้อมเผย 4 กลยุทธ์การพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อพิชิตตลาด กินจุ๊บจิ๊บ

        "Snackification" หรือ "เทรนด์กินจุ๊บจิ๊บ" คือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในพฤติกรรมการบริโภค โดยผู้คนเริ่มหันมาทานอาหารว่าง หรือขนมบ่อยขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ของว่าง หรือของทานเล่นอาจไม่ได้เป็นแค่ของที่เอาไว้ทานเล่น ๆ อีกต่อไป แต่กำลังถูกใช้แทนที่มื้ออาหารหลักในบางช่วงเวลา หรือทานเพื่อเสริมพลังงานให้ร่างกายทำงานต่อได้ยาว ๆ

ปัจจัยขับเคลื่อนกระแส "เทรนด์กินจุ๊บจิ๊บ" ในสังคมไทย

การเติบโตของ เทรนด์กินจุ๊บจิ๊บ ในไทยถูกขับเคลื่อนด้วยปัจจัยหลักหลายประการที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตสมัยใหม่

  1. ผู้บริโภคโดยเฉพาะในเขตเมืองใหญ่มีเวลาน้อยลงในการนั่งทานอาหารเต็มมื้อ หรือการเข้ามาของการทำงานที่บ้าน (Work From Home) คนจึงมองหาเมนูที่เน้น 'กินไว กินง่าย ได้ประโยชน์' และสามารถหยิบกินขณะเดินทางได้
  • เหตุผลที่ไม่กินข้าว
    เมื่อชีวิตเร่งรีบ หรือจดจ่ออยู่กับงาน มักเกิดการข้ามมื้ออาหารหลัก (โดยเฉพาะมื้อเช้า หรือมื้อกลางวัน) ทำให้ร่างกายรู้สึกหิวในช่วงบ่าย หรือเย็น และหันไปพึ่งพาอาหารว่างที่ทานง่ายและให้พลังงานรวดเร็ว เพื่อชดเชยแคลอรีที่ขาดหายไป
  • การแสวงหาความผ่อนคลาย
    หลายคนหันไปหาของกินเล่นเพื่อลดความเครียด และความเบื่อหน่าย การเคี้ยว หรือการได้รสชาติอร่อย ๆ ถือเป็นความผ่อนคลายเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ช่วยให้สมองหลั่งสารแห่งความสุข (โดพามีน) ออกมา ซึ่งทำให้เกิดวงจรการกินเพื่อบำบัดอารมณ์ แม้ว่าจะไม่ได้รู้สึกหิวทางร่างกายก็ตาม

  1. การขยายตัวของร้านค้าปลีกสมัยใหม่ เช่น ร้านสะดวกซื้อ และซูเปอร์มาร์เก็ต ทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยวได้ตลอดเวลา

  2. ผู้บริโภคจำนวนมากต้องการของว่างที่ให้พลังงานเพียงพอโดยไม่รู้สึกผิด ทำให้เกิดความต้องการขนมขบเคี้ยวเพื่อสุขภาพ ที่มีโปรตีนสูง ไขมันต่ำ น้ำตาลต่ำ และมีส่วนผสมของซูเปอร์ฟู้ด

  3. เทรนด์กินจุ๊บจิ๊บ ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ที่ต้องการควบคุมปริมาณแคลอรี หรือผู้ที่ต้องการรักษาระดับพลังงานให้สม่ำเสมอในระหว่างวัน

ผลิตภัณฑ์ไหนจะวินในเทรนด์ "กินจุ๊บจิ๊บ"?

ผู้ประกอบการในตลาดอาหาร และเครื่องดื่มของไทยไม่ได้มองข้ามเทรนด์นี้เลย ทุกคนกำลังปรับตัว โดยเน้นที่การสร้าง "คุณค่าที่เหนือกว่าความอร่อย" ให้กับสินค้า เรามาดูกันว่าตอนนี้สินค้าแบบไหนกำลังมาแรง  และตอบโจทย์เทรนด์นี้ที่สุด

1.  เฮลทีต้องมา

เมนูไหนไม่ชูโปรตีนสูง ถือว่าพลาด! สังเกตได้ว่าตอนนี้มีสินค้าใหม่ ๆ ที่เน้นโปรตีนเพียบทั้ง บาร์ธัญพืชใส่โปรตีน เครื่องดื่มผสมเวย์โปรตีน หรือขนมขบเคี้ยวจากเนื้อสัตว์ (หมูแผ่นกรอบ, หมูแท่ง, ไก่เส้น, ไก่แผ่น, หนังปลาแซลมอนอบกรอบ) หรือ ถั่ว ที่ช่วยให้คนรักสุขภาพรู้สึกผิดน้อยลงเมื่อกินจุ๊บจิ๊บ

  • การใช้ สาหร่าย ถั่วเปลือกแข็ง หรือ ผลไม้อบแห้ง ที่ให้สารอาหารสูง ทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่านี่คือของว่างที่ดีต่อสุขภาพจริง ๆ

2.  ผสมผสานรสชาติท้องถิ่นให้แปลกใหม่

สร้างความแปลกใหม่ด้วยการหยิบเอารสชาติไทย ๆ ที่คุ้นเคย มาจับคู่กับสินค้าโมเดิร์น

  • การนำรสชาติจัดจ้านอย่าง รสต้มยำ รสลาบ หรือ รสกะเพรา มาผสมใน ชีส บิสกิต หรือขนมบางชนิด ทำให้สินค้าดูน่าสนใจ และสร้างกระแสในโซเชียลได้ดี

3.  ดีไซน์ "เมนูจิ๋ว" ให้แทนมื้อหลักได้เลย

เมื่อเวลาไม่พอ สแน็คต้องยกระดับเป็นมื้ออาหาร

  • อาหารที่ทำมาในรูปแบบพอดีคำ หรือขนาดที่กินเสร็จได้ภายใน 5 นาที เช่น ข้าวปั้น สลัดแร็ป หรือเมนูเส้นหมี่ไก่ฉีกที่แพ็กมาอย่างดี ทุกอย่างถูกออกแบบมาเพื่อการกินแบบกินไว 

4.  บรรจุภัณฑ์ต้อง "พกพาง่าย" เปิดปุ๊บทานได้ปั๊บ

สินค้าจะขายดีไม่ได้เลยถ้าแพ็กเกจจิ้งไม่ตอบโจทย์

  • บรรจุภัณฑ์ต้องมีขนาดพอดีมือ พกพาสะดวก เปิดง่าย และสำคัญสุดคือต้องช่วยรักษาคุณภาพอาหารได้ดีเยี่ยม เพื่อให้ผู้บริโภคหยิบขึ้นมาทานได้ทุกที่ทุกเวลาตามสไตล์ชีวิตเร่งรีบ

"เทรนด์กินจุ๊บจิ๊บ" ได้พิสูจน์แล้วว่าไม่ใช่แค่แฟชั่นอาหาร แต่คือการปรับตัวของวิถีชีวิตในยุคที่ทุกอย่างต้องเร็ว และต้องใส่ใจสุขภาพไปพร้อมกัน จากนี้ไป เราจะเห็นตลาดของว่างที่พัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้น ไม่ว่าชีวิตคุณจะอยู่ในโหมด "งานติดลม ขนมติดมือ" หรือกำลังมองหาความผ่อนคลายระหว่างวัน การ "กินจุ๊บจิ๊บ" จะยังคงอยู่กับเราต่อไป เพียงแต่เราต้องเลือกของว่างอย่างมีสติ เพื่อให้การเติมพลังงานในแต่ละครั้งเป็นไปอย่างมีคุณภาพ 

บทความแนะนำเพิ่มเติม